ใบความรู้ที่ ๑
เรื่องความรู้เกี่ยวกับการเขียนเรียงความ
เรื่องความรู้เกี่ยวกับการเขียนเรียงความ
ความหมายของเรียงความ
เรียงความ เป็นงานเขียนชนิดหนึ่งที่ผู้เขียนมีจุดประสงค์จะถ่ายทอดความรู้ ความคิด
ทรรศนะ ความรู้สึก ความเข้าใจออกมาเป็นเรื่องราว
ด้วยถ้อยคำสำนวนที่เรียบเรียงอย่างชัดเจนและท่วงทำนองการเขียนที่น่าอ่าน
การเลือกเรื่องที่จะเขียนเรียงความ
หากจะต้องเป็นผู้เลือกเรื่องเอง
ควรเลือกตามความชอบหรือความถนัดของตนเอง การค้นคว้าหาข้อมูลอาจทำได้โดยการค้นคว้าจากหนังสือ นิตยสาร วารสาร
อินเทอร์เน็ต หรือสื่ออื่น ๆ
ประเภทของเรื่องที่จะเขียนเรียงความ
๑. เรื่องที่เขียนเพื่อความรู้
๒. เรื่องที่เขียนเพื่อความเข้าใจ
๓. เรื่องที่เขียนเพื่อโน้มน้าวใจ
องค์ประกอบของเรียงความ
เรียงความมีองค์ประกอบ ๓ ส่วน คือ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป งานเขียนทุกประเภทจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสามส่วนนี้ ดังจะได้กล่าวถึงรายละเอียดขององค์ประกอบพร้อมกับกลวิธีการเขียนต่อไปนี้
เรียงความมีองค์ประกอบ ๓ ส่วน คือ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป งานเขียนทุกประเภทจะต้องประกอบด้วยองค์ประกอบสามส่วนนี้ ดังจะได้กล่าวถึงรายละเอียดขององค์ประกอบพร้อมกับกลวิธีการเขียนต่อไปนี้
๑. คำนำ
เป็นส่วนหนึ่งของเรียงความส่วนแรกที่มีหน้าที่เปิดประเด็นเข้าสู้เรื่อง เป็นการบอกให้ผู้อ่านทราบว่าผู้เขียนจะเขียนเรื่องอะไร เพื่อชักนำให้คนสนใจอ่านเนื้อเรื่องต่อไป คำนำเป็นส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งของเรียงความเพราะเป็นส่วนช่วยดึงดูดให้ผู้อ่านหันมาสนใจเรื่องราวที่เขียน ผู้อ่านจะอ่านเรื่องต่อไปหรือไม่ ก็อยู่ที่คำนำนั้นเอง
๒. เนื้อเรื่อง หรือ เนื้อความ
เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการเขียนเรียงความ เพราะเป็นส่วนที่เสนอความรู้ความคิดความเข้าใจทรรศนะหรือความรู้สึกของผู้เขียนให้แจ่มแจ้งโดยอาจจะยกอุทาหรณ์ สุภาษิตและประสบการณ์ของผู้เขียนมาสนับสนุนเรื่องที่เขียนได้
นักเรียนจะต้องคิดก่อนเป็นขั้นแรกว่า จะเลือกเขียนเรื่องอะไร มีวัตถุประสงค์และมีขอบเขตในการเขียนกว้างหรือแคบเพียงใด เมื่อคิดวางแผนเป็นลำดับดังกล่าวแล้ว
ก็เริ่มเขียนโครงเรื่องเพื่อเป็นแนวทางในการเขียน
ขั้นตอนต่อไปคือการเรียงเนื้อหาไปตามโครงเรื่องที่ได้กำหนดไว้ โครงเรื่องที่กำหนดไว้เป็นข้อ ๆ
นั้นก็คือเนื้อหาในย่อหน้าหนึ่ง ๆ นั้นเอง
เมื่อจะขยายความแต่ละหัวข้อก็ย่อมจะได้ย่อหน้าที่มีเนื้อหาเป็นเอกภาพและมีน้ำหนัก
และถ้าเขียนแต่ละย่อหน้ามีประโยคใจความสำคัญ
และมีประโยคขยายความที่สนับสนุนประโยคใจความสำคัญอย่างชัดเจนแล้ว เรียงความเรื่องนั้นก็จะเป็นเรียงความที่มีเนื้อหาสมบูรณ์เรียงความแต่ละเรื่องจะมีย่อหน้าเรื่องเท่าใดก็ได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่เรียงความเรื่องหนึ่งจะมีย่อหน้าเนื้อเรื่องเพียงย่อหน้าเดียว
ในการเขียนเรียงความนั้น การใช้ถ้อยคำภาษาเป็นสิ่งสำคัญมาก นักเรียนจะต้องพิถีพิถันในการใช้ภาษา ภาษาที่ใช้ต้องเป็นภาษาแบบเป็นทางการ กล่าวคือภาษาจะถูกต้องตามหลักการเขียน มีการเลือกสรรถ้อยคำมาเรียบเรียงให้กะทัดรัด ชัดเจนอ่านเข้าใจง่าย ราบรื่น
สละสลวย
และมีลีลาการเขียนที่น่าสนใจ
๓. สรุป
เป็นส่วนสุดท้ายของเรียงความที่ผู้เขียนจะเน้นความรู้
ความคิดหลักหรือประเด็นสำคัญของเรื่องที่เขียนอีกครั้งหนึ่ง การสรุปนับว่ามีส่วนสำคัญเท่ากับคำนำ เพราะเป็นส่วนช่วยเสริมให้เรียงความมีคุณค่าขึ้น
การวางโครงเรื่องก่อนเขียน
เมื่อได้หัวข้อเรื่องแล้ว ต้องวางโครงเรื่องโดยคำนึงถึงการจัดการจัดลำดับหัวข้อเรื่องที่จะเขียนให้สัมพันธ์ ต่อเนื่องกัน เช่น
- จัดลำดับหัวข้อตามเวลาที่เกิด
- จัดลำดับหัวข้อจากหน่วยเล็กไปสู่หน่วยใหญ่
- จัดลำดับตามความนิยม
เมื่อได้หัวข้อเรื่องแล้ว ต้องวางโครงเรื่องโดยคำนึงถึงการจัดการจัดลำดับหัวข้อเรื่องที่จะเขียนให้สัมพันธ์ ต่อเนื่องกัน เช่น
- จัดลำดับหัวข้อตามเวลาที่เกิด
- จัดลำดับหัวข้อจากหน่วยเล็กไปสู่หน่วยใหญ่
- จัดลำดับตามความนิยม
โครงเรื่องของงานเขียนควรจัดหมวดหมู่ของแนวคิดสำคัญเพื่อเป็นแนวทางในการเขียน
โครงเรื่องเปรียบเสมือนแปลนบ้านผู้สร้างบ้านจะต้องใช้แปลนบ้านเป็นแนวทางในการสร้างบ้าน
การเขียนโครงเรื่องจึงมีความสำคัญทำให้ผู้เขียนเรียงความเขียนได้ตรงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
ถ้าไม่เขียนโครงเรื่องหรือไม่วางโครงเรื่องเรียงความอาจจะออกมาไม่ตรงตามที่ผู้เขียนต้องการ
การเขียนย่อหน้า
การย่อหน้าเป็นสิ่งจำเป็นอีกอย่างหนึ่ง เพราะจะช่วยให้ผู้อ่านอ่านเข้าใจง่ายและอ่านได้เร็ว มีช่องว่างให้ได้พักสายตา ผู้เขียนเรียงความได้ดีต้องรู้หลักในการเขียนย่อหน้า และนำย่อหน้าแต่ละย่อหน้ามาเชื่อมโยงให้สัมพันธ์กัน ในย่อหน้าหนึ่ง ๆ ต้องมีสาระเพียงประการเดียว ถ้าจะขึ้นสาระสำคัญใหม่ให้เขียนในย่อหน้าต่อไป ดังนั้นการย่อหน้าจะมากหรือน้อย
ขึ้นอยู่กับสาระสำคัญที่ต้องการเขียนถึงในเนื้อเรื่อง แต่อย่างน้อยเรียงความต้องมี ๓ ย่อหน้า
คือย่อหน้าที่เป็นคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป
การเชื่อมโยงย่อหน้า
การเชื่อมโยงย่อหน้าทำให้เกิดสัมพันธภาพระหว่างย่อหน้าเรียงความเรื่องหนึ่งย่อมประกอบด้วยย่อหน้าหลายย่อหน้าการเรียงลำดับย่อหน้าตามความเหมาะสมจะทำให้ข้อความเกี่ยวเนื่องเป็นเรื่องเดียวกัน
วิธีการเชื่อมโยงย่อหน้าแต่ละย่อหน้าก็เช่นเดียวกันกับการจัดระเบียบความคิดในการวางโครงเรื่องซึ่งมีด้วยกัน
๔ วิธีคือ
๑. การลำดับย่อหน้าตามเวลาอาจลำดับตามเวลาในปฏิทินหรือตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง
๒.
การลำดับย่อหน้าตามสถานที่เรียงลำดับข้อมูลตามสถานที่หรือตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
๓. การลำดับย่อหน้าตามความสำคัญ เรียงลำดับตามความสำคัญมากที่สุด สำคัญรองลงมาไปถึงสำคัญน้อยที่สุด
๔. การลำดับย่อหน้าตามเหตุผล อาจเรียงลำดับจากเหตุไปหาผลหรือผลไปเหตุ
ตัวอย่างรียงความ (แสดงให้เห็นคำนำ เนื้อเรื่อง และสรุปที่ชัดเจน)
เรียงความเรื่อง
"วันพ่อแห่งชาติ"
โดย นายวุฒิชัย เจาะโพ
โดย นายวุฒิชัย เจาะโพ
ชายคนหนึ่งต้องทำงานหนัก
ชายคนหนึ่งต้องตื่นแต่เช้า ชายคนหนึ่งต้องหาเช้ากินค่ำชายคนหนึ่งต้องตากแดดตากฝน
ชายคนหนึ่งต้องอดมื้อกินมื้อ ชายคนหนึ่งกินข้าวไม่ค่อยอิ่ม
ชายคนหนึ่งต้องใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ ชายคนหนึ่งต้องทำไร่ทำนา
ชายคนหนึ่งที่เคยผ่านอะไรมามากมาย ชายคนหนึ่งโดนมีดบาดมือเป็นประจำ ชายคนหนึ่งสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดี
ชายคนนั้นอายุมากแล้ว
ชายคนหนึ่งกำลังเฝ้ารอคอยการกลับมาของใครบางคน...ชายคนนั้นก็คือพ่อของผม
ผมเป็นลูกชาวนาจน
ๆ คนหนึ่งในช่วงหน้าฝนนั้นพ่อจะพาผมไปที่ไร่เพื่อดายหญ้า ถางหญ้า ล้อมรั้วรอบ ๆ
ไร่ เพื่อไม่ให้วัวควายเข้าไปในไร่ ให้วัวควายเข้าไปเฉพาะในนาเท่านั้น
พ่อของผมท่านไม่ค่อยได้พักผ่อน เพราะมีงานให้ทำอยู่มากมายพ่อมักจะโดนมีดบาดมืออยู่เสมอ
เพราะท่านเป็นคนที่ขยัน เร่งรีบ และใจร้อน พ่อของผมท่านต้องทำงานเกือบทุกย่างเพื่อทำหน้าที่ผู้นำครอบครัว
ผมมีพี่น้องอยู่หลายคน แต่ส่วนใหญ่แล้วแต่งงานกันหมดแล้วต้องสร้างครอบครัวของตนเอง
ทำให้ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลพ่อกับแม่ ส่วนที่เหลือก็กำลังเรียนอยู่
พี่สาวของผมที่กำลังเรียนอยู่นั้นได้กลับบ้านเป็นประจำ
เพราะโรงเรียนอยู่ไม่ค่อยไกลผมเป็นลูกคนสุดท้องไม่ค่อยได้กลับบ้าน
เพราะโรงเรียนของผมนั้นอยู่ห่างไกลจากบ้าน ทำให้ไม่ค่อยได้อยู่ดูแลพ่อกับแม่ ซึ่งท่านทั้งสองนั้นมีอายุมากแล้วแต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมสามารถทำเพื่อท่านได้
นั่นก็คือ ตั้งใจเรียนสวดมนต์อธิษฐานภาวนาเพื่อท่านให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
พ่อมักจะสอนผมอยู่เสมอว่าต้องตั้งใจเรียน เรียนให้สูง ๆ จะได้มีงานทำที่ดีไม่ต้องลำบากเหมือนกับท่าน
พ่อสอนสานตะกร้าด้วยไม้ไผ่ทำด้ามมีด ด้ามจอบ ด้ามเสียม ลับมีด เลื้อยไม้ ตอกตะปู
และอะไรต่าง ๆ ให้ผมมากมาย พอถึงหน้าฝนพ่อจะสอนให้ผมดำนาเป็น เกี่ยวข้าวเป็น
ตีข้าวเป็น ตำข้าวเป็น
ในตอนเด็ก
ๆ นั้น พ่อผมจะเล่านิทานให้ผมฟังก่อนนอนทุกครั้ง
ตอนนี้ผมยังจำนิทานทุกเรื่องที่พ่อเล่าให้ผมฟังได้อยู่ ตอนนี้พ่อของผมท่านอายุมากแล้วทำให้สุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง
พ่อมักจะปวดหลัง
ปวดหัวอยู่เสมอ ผมจึงนวดหลังให้พ่ออยู่เสมอเพื่อบรรเทาอาการปวดเมื่อย
เมื่อถึงเวลาเปิดเรียนแล้วนั้น ผมต้องเดินทางไปเรียนทุกครั้งที่ผมจะไปเรียนนั้น แม่ของผมท่านจะร้องไห้ทุกครั้งผมต้องปลอบใจแม่ทุกครั้ง
ก่อนเดินทางไปเรียนในช่วงเปิดเรียน ผมเป็นห่วงท่านทั้งสองและคิดถึงท่านทั้งสองเสมอ
เนื่องในโอกาสวันพ่อแห่งชาตินี้ผมขอให้พ่อมีสุขภาพร่างกายที่สมบรูณ์และอยากบอกพ่อว่า
"ผมรักพ่อ"
เอกสารอ้างอิง
ประนอม วิบูลย์พันธ์ และคณะ. ๒๕๕๔. หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย.
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). กรุงเทพฯ.
ประนอม วิบูลย์พันธ์ และคณะ. ๒๕๕๔. หลักภาษาและการใช้ภาษาไทย.
สถาบันพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.). กรุงเทพฯ.
การเขียนเรียงความ.
๒๕๕๖. (ออนไลน์). สืบคนจาก : http://th.wikipedia.org
[๒๕ธันวาคม ๒๕๕๖]
[๒๕ธันวาคม ๒๕๕๖]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น